
BTC หรือ Bitcoin แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยดัชนีความกลัวและความโลภ (Fear & Greed Index) ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วหลังราคาฟื้นตัวกลับมายืนเหนือระดับ 81,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่แล้วค่าดัชนีนี้ก็ลดลงอีกครั้ง
การปรับตัวนี้เกิดขึ้นชั่วคราวหลังจากการลดลงของราคา Bitcoin อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสงครามภาษีที่ Donald Trump ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศไว้ อย่างไรก็ตาม การระงับภาษีเป็นเวลา 90 วันสำหรับประเทศส่วนใหญ่ได้ช่วยให้ราคาฟื้นตัวและส่งผลให้ความเชื่อมั่นของตลาดดีขึ้น
บทความนี้จะสำรวจการเปลี่ยนแปลงของความเชื่อมั่นในตลาด Bitcoin ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นต่อไป
ดัชนีความกลัวและความโลภของ BTC ชี้ แนวโน้มอยู่ในโซน ‘Extreme Fear’ อีกครั้ง
Fear & Greed Index หรือดัชนีความกลัวและความโลภ เป็นตัวชี้วัดที่พัฒนาโดย Alternative ซึ่งใช้ประเมินความรู้สึกของนักลงทุนทั้งในตลาด Bitcoin และตลาดคริปโตเคอเรนซีโดยรวม
ดัชนีนี้ใช้ตัวเลขตั้งแต่ 0 ถึง 100 เพื่อสะท้อนอารมณ์ของตลาด หากค่าดัชนีเกิน 53 จะบ่งชี้ถึง “ความโลภ” (Greed) ในขณะที่ค่าต่ำกว่า 47 บ่งบอกถึง “ความกลัว” (Fear) ส่วนค่าระหว่าง 47-53 แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ที่เป็นกลาง (Neutral)
ก่อนหน้านี้ดัชนีอยู่ที่ระดับ 39 หรือโซน “Fear” (กลัว) ในระยะสั้นๆ ก่อนที่จะลดลงมาอีกครั้ง
ขณะนี้ Fear & Greed Index ของ Bitcoin ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 25 ซึ่งบ่งบอกว่านักลงทุนในตลาดโดยเฉลี่ยกลับมามีความรู้สึก “Extreme Fear” หรือ “กลัวสุดขีด” อีกครั้ง (25 ลงมาถือว่าอยู่ในโซน Extreme Fear)
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตอนนี้ก็ถือว่าดีขึ้น เมื่อเทียบกับเมื่อวานนี้ตอนที่ดัชนีอยู่ที่ระดับ 18 ซึ่งการร่วงลงในระดับนี้เกิดขึ้นหลังจากราคาของ Bitcoin และคริปโตอื่น ๆ ดิ่งลงอย่างหนัก ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษี
อย่างไรก็ตาม หากดูจากกราฟจะเห็นได้ว่าดัชนีมีความผันผวนอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนในหมู่นักลงทุน

ความกลัวสุดขีดบ่งบอกอะไร
ในอดีต ตลาด Bitcoin และ altcoin มักจะเคลื่อนไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับความคาดหวังของนักลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดอยู่ในโซน Extreme Fear ซึ่งความกลัวขั้นรุนแรงนี้มักเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวของราคา
Bitcoin เพิ่งจะอยู่ในโซน Extreme Fear เมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่าจุดต่ำสุดได้ก่อตัวขึ้นแล้ว หากเป็นเช่นนั้น การฟื้นตัวล่าสุดก็อาจเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้นที่ยั่งยืนได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Fear & Greed Index ได้ลดลงไปต่ำถึงระดับ 10 แม้ดัชนี ณ เวลานั้นจะบ่งบอกถึงจุดต่ำสุด แต่ก็ไม่ใช่จุดต่ำสุดที่แท้จริงของตลาด ดังนั้นยังต้องติดตามต่อไปว่าครั้งนี้ตลาดจะเคลื่อนไหวอย่างไร
ความเชื่อมั่นใน Social Media: หนึ่งในปัจจัยกำหนดค่าดัชนีของ Bitcoin
Fear & Greed Index คำนวณค่าจากปัจจัยหลายประการ หนึ่งในนั้นคืออารมณ์ของผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดีย ล่าสุด Santiment ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูล ได้กล่าวในทวีตบน X ว่า ความรู้สึกเชิงบวกในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับ Bitcoin และ Ethereum ได้เพิ่มขึ้นหลังจากมีข่าวเกี่ยวกับการหยุดเก็บภาษี

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าหลังข่าวดังกล่าว สัดส่วนความคิดเห็นเชิงบวกต่อ Bitcoin อยู่ที่ 3.5 ต่อ 1 ในขณะที่ Ethereum มีความเห็นเชิงบวก 2.3 ต่อ 1 เมื่อเทียบกับความคิดเห็นเชิงลบ
ณ ขณะที่เขียนบทความนี้ ราคา Bitcoin อยู่ที่เหนือ $81,000 ลดลง 0.39% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
โดยสรุป ความเชื่อมั่นในตลาด Bitcoin มีการปรับตัวขึ้นลงอย่างผันผวน หลังจากราคาฟื้นตัวกลับมายืนเหนือ 81,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินโอกาสและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
รู้จักทางเลือกการลงทุนใน Bitcoin: BTCBULL มาพร้อมกลไกการเผาโทเค็นช่วยเพิ่มมูลค่า
BTC Bull Token เป็นโทเค็นที่โดดเด่นด้วยคุณสมบัติการมอบรางวัลเป็น Bitcoin จริงให้แก่ผู้ถือโทเค็น เมื่อ Bitcoin บรรลุเป้าหมายราคาสำคัญที่กำหนดไว้ ทำให้ได้รับความสนใจอย่างมากจากโซเชียลมีเดียขณะนี้ และสามารถระดมทุนได้กว่า 4.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว แม้จะเพิ่งเปิด presale ได้ไม่นานก็ตาม
หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของโครงการนี้คือการมอบ Bitcoin ให้แก่ผู้ถือโทเค็นเมื่อราคา Bitcoin แตะระดับ $150,000 โดยจะมีการแจกเพิ่มเติมทุกครั้งที่ราคาขยับเพิ่มขึ้นครั้งละ $50,000 เช่น $200,000, $250,000 และอื่น ๆ
ในบรรดา meme coin ที่มีอยู่มากมาย BTCBULL มีจุดเด่นที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน นอกจากจะให้ผลตอบแทนเป็น Bitcoin จริงแล้ว ยังมีกลไก “Token Burn” หรือการเผาโทเค็น ซึ่งช่วยลดจำนวนโทเค็นในระบบลง ส่งผลให้มูลค่าของโทเค็นที่ยังคงอยู่ในตลาดเพิ่มสูงขึ้น
กลไกการเผาโทเค็นนี้จะทำงานทันทีที่ Bitcoin บรรลุเป้าหมายราคาที่กำหนดไว้ในทุกช่วง $50,000 โดยเริ่มต้นที่ระดับราคา $125,000 กลไกนี้ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมจำนวนโทเค็นในระบบอย่างชัดเจน
โปรเจกต์นี้แตกต่างจาก Bitcoin ที่มันจะลดการสร้างเหรียญใหม่ในระบบเมื่อเวลาผ่านไป โดย BTCBULL ใช้วิธีลดจำนวนโทเค็นที่มีอยู่ในระบบโดยตรง ทำให้ total supply ลดลงทันที ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้มูลค่าของโทเค็นที่เหลืออยู่ปรับตัวสูงขึ้น
โปรเจกต์ใหม่นี้ถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงการสนับสนุนการถือครองในระยะยาวมากกว่าการทำกำไรจากการซื้อขายระยะสั้น ระบบนี้ช่วยส่งเสริมความมั่นคงและเสถียรภาพของมูลค่าตลาดในระยะยาว ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดนักลงทุนที่มองหาความยั่งยืน
สำหรับผู้ที่สนใจหาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามโปรเจกต์นี้ได้ผ่านแพลตฟอร์ม X และ Telegram เพื่อไม่พลาดข้อมูลสำคัญและการอัปเดตล่าสุด!
เรทเรามุ่งมั่นในการสร้างความโปร่งใสอย่างเต็มที่กับผู้อ่านของเรา บางเนื้อหาในเว็บไซต์อาจมีลิงก์พันธมิตร ซึ่งเราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นจากความร่วมมือเหล่านี้
